Category: Uncategorized

การ Lock app ใน iPhone

ปกติเราจะพบว่า iOS มีการปรับแต่งของ Settings ได้ไม่มากเท่า Android แต่การมาถึงของ Shortcuts ใน iOS 12 และได้รับการพัฒนาจนเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการอย่างสมบูรณ์ใน iOS 16 ทำให้ iPhone สามารถปรับแต่งได้เพิ่มขึ้นอีก (นอกเหนือจาก Settings)

ใน app ทั่วไป ถ้า dev ไม่ได้พัฒนา privacy ขึ้นเป็นการเฉพาะ เราจะไม่สามารถ lock app ได้เลย แต่ถ้า dev ทำ privacy ขึ้นเฉพาะ จะสามารถตั้ง password หรือ ใช้ Biometric เช่น Face id, Touch id ก่อนเปิดใช้ app ได้ เช่น app Line

การตั้งค่า Privacy เพิ่มขึ้นภายใน Line แสดงใน settings menu ภายใน app Line ดังรูป

ซึ่งนอกเหนือจาก การรอให้ Dev เพิ่ม Privacy ของแต่ละ app (แบบ Line) แล้ว

เราสามารถใช้ Shortcuts ในการตั้งค่า privacy เพิ่มเติมได้ในทุก app ครับ

วิธีการดังนี้

1. เปิด app Shortcuts

เมื่อเปิด app จะเจอ Automation

กดเข้าหน้า Automation ให้เลือก Create Personal Automation

เลือก App ที่เราต้องการจะ Lock ก่อนเปิด app นั้น

ตรงลูกศรด้านล่าง จะติ๊ก / ที่ is Opened จากนั้นให้เลือก Choose

เจอหน้าเลือก App ตัวอย่างนี้ ผมเลือก app Messages ครับ (คือ ทุกครั้งที่เปิดอ่าน Messages จะมีการเรียก Password, Touch id, Face id ก่อน จึงจะเปิด app ได้)

พิมพ์หา app messages

เจอ app Messages แล้ว ให้กดเลือก ติ๊ก /

จะเข้ามาที่หน้านี้ App แสดงชื่อ app ที่เราต้องการ Lock และลูกศรด้านล่าง เลือก is Opened

จากนั้น กด Next ที่มุนขวาบน (ของผู้อ่าน)

จะเข้ามาที่หน้านี้ เพื่อเลือก Actions ว่า เราจะให้ app ทำ Action อะไร

ให้พิมพ์เลือกคำว่า ” lock screen “

พิมพ์คำว่า lock screen จะเกิด Scripting Lock Screen ให้กดเลือก Lock Screen

จะเข้ามาหน้านี้ ให้กด Next

เมื่อเข้ามาที่หน้านี้ ให้ Off ตรง Ask Before Running (คือ เลื่อนสีเขียวให้เป็นสีเทา)

เมื่อเราเลื่อน “ปิด” Ask Before Running จะเจอ pop up ขึ้นมาเพื่อ confirm ให้เลือก Don’t Ask

ถึงขั้นตอนนี้ คือ เสร็จแล้วครับ (ผมเขียนแสดงลูกศรสีเขียว กรณีถ้าเราต้องการ “ลบ” คำสั่งนี้นะครับ ให้ปัดเลื่อนมาทางซ้าย)

แสดงหน้าตาโดยรวมของ Automation การ Lock app Messages

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกครั้งที่จะเปิด app Messages ต้องมีการเรียกหา Password, Touch id, Face id ก่อน

เวลาใช้งานจริง จะเป็นแบบนี้ครับ

ref: https://www.macrumors.com/how-to/automatically-lock-iphone-app-opened/?fbclid=IwAR1dV4lK4uqQDvekBUGiDG5CAJnJKAfmNmR4uCton_5OdvHtJK0RrZRLwkw

การหาปริมาณ Fluorideใน Dentifrice แบบคิดในใจ

รูปที่เห็นถ้าเราพลิกรอบๆ กล่องยาสีฟัน จะเจอปริมาณฟูลออไรด์ในหน่วย ppm ที่คุ้นเคย ความหมายคือ ยาสีฟันหลอดนี้มีปริมาณ Fluoride ion ที่ความเข้มข้น 1,450 ppm (ปกติในยาสีฟันจะจำกัดปริมาณสูงสุดของ F – ion ที่ไม่เกิน 1,500 ppm)

และยาสีฟันในตลาดส่วนมาก สารออกฤทธิ์ที่ให้ F- ion จะมีอยู่ 2 ตัว

คือ

1.Sodium fluoride (NaF)

2.Sodium MonoFluoroPhosphate (Na2 PO3 F (คุ้นกันในชื่อ MFP fluoride))

(Na มี 1+, P 5+, O 2-, F 1- ดังนั้น Na ติดประจุ +1, PO3 ติดประจุ -1 (มาจาก 5+(-2×3)=5-6 = -1) , F ติด -1

ทำให้เป็น 2 Na ประจุ +2 กับ 1 ((PO3)F ) ประจุ -2 –> redox เป็น Na2 (PO3) F

MFP fluoride
NaF

แต่เราจะพบว่า ส่วนใหญ่ใช้ NaF มากกว่า MFP fluoride

และมีน้อยมาก ที่จะใช้ทั้ง MFP fluoride และ NaF ในหลอดเดียวกัน

Fluocaril จัดหนัก คือให้มาทั้ง 2 ตัว แต่ F-ion รวม ก็ยังจำกัดไม่เกิน 1,500 ppm

ทำไมผู้ผลิตจึงนิยมใช้ NaF > MFP fluoride ?

เหตุผล เพราะ ถ้าเรามาดูสูตรโมเลกุล NaF เทียบกับ MFP fluoride (Na2 PO3 F)

จากตารางธาตุ

มวลอะตอมของ Na = 23, F = 19, P = 31, O = 16, F = 19

จะได้

มวลโมเลกุล NaF = 23 + 19 = 42

มวลโมเลกุล Na2 PO3 F = (23×2) + 31 + (16×3) + 19 = 144

ปริมาณ F- ion ใน NaF = 19/42 = 0.4524 = 45 %

ปริมาณ F-ion ใน Na2 PO3 F = 19/144 = 0.1319 = 13.2%

ในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน NaF จะ release F-ion > MFP fluoride ประมาณ 3 เท่า

Product ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Dentifrice, Mouthrinse หรือ Fluoride ในรูปแบบอื่นๆ จึงนิยมใช้ NaF เป็นหลักครับ

ทีนี้ลองเทียบปริมาณในการนำไปใช้

MFP 1% w/w = 10 mg/g จะมี F-ion = (10 x 13.2)/100 = 10/7.6 = 1.32 mg/g = 1.32 x 1000 = 1,320 ppm

NaF 1% w/w = 10 mg/g จะมี F-ion = (10 x 45)/100 = 10/2.2 = 4.55 mg/g = 4.55 x 1000 = 4,550 ppm

สรุปคือ MFP 1% w/w = F-ion 1,320 ppm, NaF 1% w/w = F-ion 4,550 ppm

ลองนำไปใช้ตรวจคำตอบในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป

NaF 0.315% w/w = F-ion 0.315 x 4,550 = F-ion 1,433.25 ppm

ถือว่า มีการปัดเศษนิดหน่อย ก็ ok ~ 1,450 ppm เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจง่าย

ต่อมา ลองนำมาใช้ในชีวิตประจำวันทันตแพทย์กันบ้างครับ

จากบทความใน CDEC

ตัดมาเฉพาะตรงนี้

จากข้อ 1 Mouthrinse 0.05% = F-ion 225 ppm –> สารออกฤทธิ์ 1% =F-ion 4,500 ppm ( มาจาก 225/0.05 = 4,500)

จากข้อ 2 Mouthrinse 0.2% = F-ion 900 ppm –> สารออกฤทธิ์ 1% = F-ion 4,500 ppm ( 900/0.2 = 4,500)

เพราะเรารู้แล้วว่า NaF 1% w/w = F-ion 4,550 ppm

(สังเกตว่า Mouthrinse ต้องคิดเป็น w/v แต่ NaF เป็น w/w ซึ่งจะไม่มีความแตกต่างเมื่อคิดเป็น % หรือ ratio อย่าง ppm ที่ไม่มีหน่วยวัดเป็น prefix ของ g, litre เช่น mg, ml)

Mouthrinse ทั้ง 2 ความเข้มข้นในบทความนี้จึงใช้ NaF เป็น active F- ion release (แม้ท่านอาจารย์จะไม่ได้บอก แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจจาก conc ที่ให้ ว่าเป็น NaF )

อีกตัวอย่าง

เรื่อง แนวทางการใช้ F สำหรับเด็ก 2560

จาก ΝaF 1% w/w และ Conversion ratio ของ F-ion ใน NaF = 2.2 ( F-ion = 45% ของ NaF –> Conversion ratio = 100/45 = 2.2 )

0.05% NaF = 0.5 mg/ml –> ทำให้เป็น F-ion = 0.5/2.2 = 0.23 mg/ml –> (0.23×5) – (0.23×10) = 1.15 – 2.30 เป็นปริมาณ mg F ช่อง 1

0.2% NaF = 2.0 mg/ml –> ทำให้เป็น F-ion = 2.0/2.2 = 0.91 mg/ml –> (0.91×5)-(0.91×10) = 4.55 – 9.10 ปริมาณ mg F ช่องที่ 2

จะเห็นว่า การหารด้วย Conversion ratio ไม่ทำให้หน่วยเปลี่ยน เพราะ Conversion ration ตัวมันเองไม่มีหน่วย เป็นเพียงการหา F-ion ที่ซ่อนอยู่ในสูตรโมเลกุลของ Active gradient (ซึ่งในที่นี้คือ NaF) เท่านั้น

มาดูตารางในหน้าที่ 6 ของบทความ

APF 1.23% = 12.3 mg/ml (กรณี APF จะบอก % ของ F-ion มาเลย เวลาคิดเป็น mg/ml ให้นำ % w/v คูณด้วย 10 ) = 12,300 (1.23 x 10,000) ppm ( 1% w/v = 1/100 = (1/100) x (1,000,000/1,000,000) = 10,000/1,000,000 = 10,000 ppm)

2% NaF = NaF 20 mg/ml มี F- ion = 20/2.2 = 9.09 mg/ml ปริมาณในการเคลือบ 5 ml = 9.09 x 5 = 45.45 mg

สรุปวิธีคิด ปริมาณ F-ion จาก conc ของ NaF ที่ง่ายที่สุด คือ

1. นำ NaF % คูณด้วย 10 จะออกมาเป็น NaF mg/g (w/w), mg/ml (w/v)

2. นำผลที่ได้จากข้อ 1 เป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วย 2.2 (ค่า Conversion ratio ของ NaF) ได้ออกมาเป็น F-ion หน่วย mg/g (w/w) หรือ mg/ml (w/v)

3. จากนั้นนำผลลัพธ์ในข้อ 2 มาคูณด้วย 1,000 จะออกมาเป็น F-ion ในหน่วย ppm

ตัวอย่าง เช่น Dentifrice ข้างกล่องระบุ Sodium Fluoride 0.315% w/w

1. นำ 0.315% x 10 = 3.15 mg/g NaF

2. 3.15/2.2 = 1.43 mg/g F-ion

3. 1.43 x 1,000 = 1430 ppm F-ion

4. Sensodyne หลอด 100 g มี NaF 315 mg มี F-ion 143 mg หรือ 1,430 ppm

และถ้าเราต้องการคิดแบบย้อนกลับ คือ พบว่า กล่อง Dentifrice ระบุ ปริมาณ (conc) F-ion เป็น ppm แล้วต้องการทราบ conc ของ Sodium fluoride ก็ทำได้โดย การนำ F-ion ppm มาคูณด้วย 2.2 แล้วหารด้วย 10,000 ก็จะออกมาเป็น % NaF ที่อยู่ในหลอดนั้น

สมมติเดินเข้าไปใน 7-11 แล้วเจอยาสีฟันที่ระบุแบบนี้

Active Fluoride 1,000 ppm

พลิกดูแล้วเป็น NaF

F-ion 1,000 ppm –> NaF = (2.2 x 1000)/ 10,000 = 0.22 %

Kodomo หลอดนี้มี NaF 0.22% ในขนาดหลอด 40 g

–> มี NaF (0.22 x 40) /100 = 0.088 g = 88 mg

อีกตัวอย่าง คือ เมื่อเราเจอ Active F-ion ปริมาณที่ไม่ลงตัว เช่น 1,450 ppm

วิธีคิด % NaF คือ การนำ 1,450 ppm มา + กัน 2 ครั้ง เป็น 1,450+1,450 = 2,900 (เป็นผลจากการคูณด้วย 2)

เก็บ 2,900 ไว้ในใจ แล้วตัด 0 ออก 1 ตัว ( เป็นผลจากการคูณด้วย 0.2) ได้ = 290

นำ 2,900 ที่เก็บไว้ในใจมา + 290 ได้ค่า = 3,190

นำ 3,190 / 10,000 = 0.319 % NaF

(วิธีคิดมาจาก 1,450 x 2.2 = 1,450 x (2 + 0.2) = (1,450 x 2) + (1,450 x 0.2))

Colgate Total หลอดนี้มี NaF 0.319%

นอกจากนั้นเรายังใช้วิธีนี้กับ Fluoride product ตัวอื่นได้

เช่น Silver Diamine Fluoride (SDF)

SDF มีสูตรโมเลกุล Ag (NH3)2 F

Ag 1+, NH3 ประจุ 0 (-3 + (1+1+1)), F 1- –>

Ag(NH3)2 ประจุ +1 กับ F -1 –> Αg (NH3)2 F

SDF atomic mass = Ag 108 + NH3 ((14+1+1+1)x2) + F 19 = 161

ปริมาณ F-ion ใน SDF = 19/161 = 0.118 = 11.8% = Conversion ratio 8.47

(มาจาก 100/11.8 = 8.47)

จากรูป แสดง conc ของ SDF ที่ใช้ในคลินิก = 38% w/v

วิธีคิด F-ion ที่อยู่ใน SDF

1. SDF 38% w/v จะมี conc = 38 x 10 = 380 mg/ml

2. SDF 380 mg/ml มี F-ion = 380/ 8.47 = 44.864 mg/ml (หารด้วย Conversion ratio ของ SDF)

3. F-ion 44.864 mg/ml = 44.864 x 1,000 = 44,864 ppm

นั่นคือ SDF 38% w/v จะมี F-ion 44,864 ppm

ตรวจคำตอบ

สรุป

ค่าพลัง F-ion ของ Mouthrinse อยู่ที่ระดับ 500-1,000 ppm

ค่า F-ion ของ Dentifrice จะมีค่าพลังอยู่ที่ 1,500 ppm

ค่า F-ion ของ Fluoride gel ค่าพลังระดับ 10,000 ppm

และ SDF ค่าพลังสูงที่สุด คือ อยู่ที่ระดับ 50,00 ppm

(ตัวเลขละเอียดตามข้างต้น แต่สรุปเป็นตัวเลขประมาณเพื่อให้จำได้ง่ายๆ ครับ)

Ref:

1. https://sciencenotes.org/use-periodic-table/

2. https://www.cdec.or.th/readonly_page.php?id=148

3. https://www.thaidental.or.th/main/download/upload/upload-20190213213340.pdf

4. https://dentalcouncil.or.th/images/uploads/file/0DZ0ANJWCPIWHGY3.pdf

5. https://www.cdec.or.th/readonly_page.php?id=10

Dentist & MissUniverse 2023

ประทับใจน้อง Amanda Dudamel (Miss Venezuela) ครับ

เนื่องจากไม่มีรูป Profile จึงขอดูสัดส่วนของฟันอย่างเดียว

Central incisor ดูใหญ่มาก แต่ลองวิเคราะห์กันดู

การวิเคราะห์ จะอ้างอิงตามนี้นะครับ https://bit.ly/3GKTOpR

จะใช้ตามลำดับเวลา จาก Golden proportion –> Golden mean (Golden %) –> RED proportion

สัดส่วนความสูงของ Clinical crown ฟันหน้าบน ต่อ ใบหน้าส่วนล่าง (Dr.Edwin I. Levin ปี ค.ศ.1978)

ถือว่า ใกล้เคียงในทศนิยมตำแหน่งที่ 2 คือ 1 : 1.618 ( เพราะ ถ้าทศนิยมตำแหน่งที่ 2 ไม่ใกล้เคียง จะเกิดการปัดทศนิยมตำแหน่งที่ 1 จึงถือว่า 1.6428 มีนัยสำคัญที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 2 คือ 4 ครับ)

มาดูขนาดฟัน

ค่าทางขวามือผู้อ่าน คือ ค่าที่เทียบกับ Standard (Original) Golden ratio , ส่วนทางซ้ายมือคือ ค่า Golden mean (Golden %) ของ Dr.Stephen R. Snow ค.ศ.1999)

ค่าในรูปคือ 1.5714 : 1 : 0.8571 เทียบกับ 1.618 : 1 : 0.618 ของ Standard GR จะเห็นว่า ค่าไม่ไปด้วยกันเลย

แต่ถ้าลองเทียบกับ Golden mean ของ Dr. Snow

ค่าที่ได้ คือ 0.247 : 0.1573 : 0.1348 –> 0.25 : 0.16 : 0.1 จะเห็นว่า ใกล้เคียงกับ Golden mean มากครับ (0.25 : 0.15 : 0.1)

เนื่องจาก #11, 21 ดูใหญ่มาก เราลองดู Clinical crown w/h ครับ

w/h = 74% ถือว่า อยู่ใน normal clininal crown ครับ
ถ้า w/h ต่ำ นั่นหมายถึง ฟันจะมี Clinical crown ยาวกว่าปกติครับ

ในคนที่มี Clinical crown w/h ปกติ เราจะใช้ RED proportion ครับ (เพราะในธรรมชาติ Standard GR ไม่ fit กับขนาดฟันจริง )

Recurring Esthetic Dental proportion = 1 : 0.7 : 0.49

กลับมาที่รูปนี้

ถ้าใช้ RED proportion

22 : 14 : 12 = 1 : 0.6363 : 0.5455 –> 1 : 0.6 : 0.5 ซึ่งใกล้เคียง 1 : 0.7 : 0.49

สรุป Central incisor (ที่เห็นจากรูป) ไม่ถือว่า ใหญ่เกินไปครับ เพราะ ถ้าหมอไปเพิ่ม w/h ratio ถึงจะทำให้เข้าใกล้ norm Clinical crown มากขึ้น แต่การลด h ก็จะมีผลกับ Smile line และ embrassure ครับ

Ref :

1. https://footwearnews.com/2023/fashion/celebrity-style/miss-venezuela-miss-universe-2023-1st-runner-up-dress-heels-1203392494/

Don’t Remove. (before X-ray)

radix-ento พบได้ในคนไทย 12.7%

Germination
X-ray ช่วยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน
สังเกต furcation ก็รู้ว่าฟัน Perio
Mermaid Premolar
ให้สังเกตที่ mouth mirror
เห็นถึงความฝ้ามัว
เป็น Br พม่าครับ alloy ไม่แข็งมาก X-ray เท่านั้นจึงจะรื้อได้
ผมจะชอบวัดความยาวของฟันบ่อยๆ เทียบกับความยาวในใจที่เดาเอาไว้
RCT incomplete
ใครสังเกตเห็นความผิดปกติบ้างครับ?
ถึงกับต้องถ่ายทุกมุมเลยซี่นี้
remove ฟัน Crowding เป็น PVC ล้อมด้วยฟัน RCT

อย่าลืม X-ray ก่อนถอนนะครับ