Tag: iPhone

Preview iOS 26 & iPad OS 26 (AKA iOS 19)

Preview iOS 26 & iPad OS 26 (AKA iOS 19)

คืนวันที่ 9 มิ.ย. 68 ผมไม่ได้ดู event WWDC 2025 นะครับ ( Worldwide Developers Conference 2025) เพราะเดาว่า ไม่น่ามีการเปิดตัว Hardware ใหม่ๆ จาก Apple

ดูจากช่วงหัวค่ำ เวบ Dev Apple ขึ้นแบบนี้ครับ

แต่ขณะที่ เวบ Apple Store ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แสดงว่า คืนนี้ยังไม่มี product ใหม่ มาวางก่อนขายจริงแน่นอน

คงมีเฉพาะ firmware ใหม่ สำหรับ device ต่างๆ ใน ecosystem ของ Apple เท่านั้น เลยนอนดีกว่า ตื่นเช้ามาค่อยอ่านทีเดียว

หน้าตาของเวบ Developer ในตอนเช้า

Apple เปลี่ยนการนับ version ระบบปฏิบัติการของตัวเองตามข่าวลือจริงๆ คือ นับตามปีครับ งานเปิดตัวปีนี้ กลางปี ค.ศ. 2025 แต่ Official release ช่วงกันยา ตัวเลขนับเลยเป็น iOS (20)26 แทนที่จะเป็น iOS 19 (แบบนับต่อจาก iOS 18 ที่เปิดตัวปี 2024)

แน่นอน Xcode ก็ก้าวกระโดดจาก 16.4 –> 26

Xcode 26 beta ปล่อยออกมารองรับ iOS 26 beta

ปกติ การติดตั้ง iOS ที่เป็น major iOS คือ เปลี่ยนตัวเลขใหญ่ของ version ผมจะ install แบบ clean โดยไม่ใช้การ update แบบ OTA ครับ

เพื่อหลีกเลี่ยง bugs ที่เกิดระหว่างการติดตั้งจาก file system ใหม่กับเก่า และ ขยะต่างๆ ที่เหลือระหว่างการติดตั้ง (เราจะสังเกตว่า ส่วนใหญ่ major update ไฟล์ที่ download ได้ มักจะมีขนาดใหญ่มากๆ )

คือลำพัง bugs ของตัวมันเองใน beta 1 ก็เยอะอยู่แล้วครับ

การติดตั้งแบบซ้อนทับ (OTA ซึ่งมีลักษณะ incremental คือ เติมเฉพาะส่วนที่เปลี่ยน และลบส่วนที่ไม่ใช้เดิมออก) มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดระหว่างติดตั้งได้มากกว่า การติดตั้งแบบลบข้อมูลเดิมทั้งหมด (Restoration)

ผมจึงติดตั้งด้วยการใช้ Finder ในคอมครับ

ขนาด file ที่ download

ขั้นตอนแรก ลง Xcode 26 beta ก่อน

แสดง package ของ Xcode

install

จากนั้นมาถึง step ที่สำคัญสุด คือ การ backup ข้อมูลล่าสุดของเครื่อง ครับ

เพราะ การลง beta ใดๆ มีความเสี่ยงทั้งอาจเจอ bugs ที่อันตราย (จนอาจถึงใช้งานให้ดีเหมือนเดิมไม่ได้) หรือ ทำให้ app ที่เราใช้งานประจำวันในเครื่อง ใช้งานไม่ได้

ทางเลือกไม่ว่าจะ backup ผ่าน iCloud หรือ คอม สามารถทำได้ทั้งหมด เพื่อเก็บข้อมูล update ล่าสุดเท่าที่จะทำได้ในเครื่องสำรองไว้

เมื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ข้อมูลนี้จะมีความสำคัญมาก เพราะ เราทราบว่า เมื่ออยู่ใน firmware ตัวเลขที่สูงกว่า จะสามารถเรียกข้อมูลจาก backup ของเครื่องเดียวกันที่อยู่ใน firmware version ที่ต่ำกว่า หรือ เท่ากับ เครื่องเดิมเท่านั้น

ผมเลือก backup ลงในคอมครับ

เพราะวันนี้งานไม่ (น่าจะ) ยุ่งมาก น่าจะพอมีเวลาเลยเอาเครื่องมา update ในที่ทำงานเลย เพื่อความเร็วในการเรียกข้อมูลกลับ หลัง restore แล้ว

backup ทั้ง 16Pro และ iPad Air 5

backup ใช้เวลาประมาณ 15 min/เครื่อง ครับ

หรือจะสะดวก backup ผ่าน iCloud ก็ได้

ยิ่งถ้า backup บ่อย ยิ่งใช้เวลาไม่นานครับ เร็วมาก

หลังจากนั้นที่ Finder (หรือ iTunes) ใช้คำสั่ง option + restore เพื่อชี้ไปใน firmware ที่ download มาได้

จะมี pop up ขึ้นให้ “ปิด” Find My ในเครื่องก่อน

จากนั้นเลือก firmware ที่ตรงกับเครื่อง

pop up เตือน เมื่อเริ่มเข้า install process

จากนั้นเพียงรอกด lock screen code ที่หน้าจอเครื่องเท่านั้น แล้วกลับไปทำงานปกติได้ ปล่อยให้เครื่อง update firmware จนเสร็จ

ผมทำใน iPad เสร็จก่อน เลยอยากดูหน้าจอเครื่องเปล่า ของ iPad OS 26 แบบที่ยังไม่เรียก app ที่ backup ไว้คืนกลับ

หน้า Home ก็จะประมาณนี้

พื้นที่เครื่องแบบ clean

พื้นที่ของ iPad OS 26 ที่ใช้ storage ของเครื่อง ตอนที่เป็นเครื่องเปล่า

ใช้ space ไป ~ 18 GB ครับ ตีเป็นตัวเลขกลมๆ คือ 20 GB

ความสำคัญของตัวเลขตรงนี้ หมายความว่า ถ้าเราซื้อเครื่องเปล่า ความจุในเครื่องจะหายไป ในขณะที่เปิดกล่อง จะเท่ากับ 20 GB ครับ

เช่น สมมติ ปลายกันยายน 68 ถ้าซื้อ iPhone 17 Air ความจุ 128 GB จะมี space ให้เราใช้งาน ~ 108 GB ครับ (ในทุกรุ่น หายไป 20 GB โดยประมาณ)

มาดูของ 16 Pro ความจุ 512 GB

หลัง restore iOS 26 เสร็จ ก่อนผมเรียก backup กลับคืน

จะเห็นว่า ถ้ามองบรรทัดแรกสุดใต้รูป iPhone คือ ค่า free space ได้ 511.42 – 495.65 = 15.77 GB

นั่นคือ พื้นที่ iOS 26 ใช้ไป 16 GB

ถ้าเรานำตัวเลข 512 (ความจุตามรุ่น) – 20 = 492 GB ซึ่งถือว่าใกล้เคียง 495.65

มีค่า error = – 0.74% ถือว่า ยอมรับได้

สรุปคือ สำหรับ iOS 26 ใช้ความจุรุ่น หักออกไป 20 GB จะเท่ากับ ความจุที่เหลือไว้ให้เราใช้ได้

รูปแสดงหน้าจอ iPhone ขณะกำลัง restore

หลังจาก restore เสร็จ คือ เรียก apps และ media กลับคืนเครื่องเสร็จแล้ว ลองทดสอบ function ที่ใช้งานประจำไปเรื่อยๆ

ลอง iPhone Mirroring ครับ

(Mac เครื่องนี้อยู่ใน Sequoia 15.5)

พบว่า iPhone Mirroring ใช้งานได้ปกติ

ลองทดสอบการลง app ที่อยู่นอก App Store ไทย ด้วย Sidloadly

เกมเก่าๆ อย่าง Doom II ก็ยังลงได้ เล่นได้ปกติ

ลองเกมใหม่อย่าง Fornite version ล่าสุด

ยังลงได้ปกติครับ

หลัง install ผ่าน Sideloadly แล้ว อย่าลืมเปิด Dev mode ของเครื่องก่อนจึงจะเข้าไปเล่นได้

พบว่า เกมที่ติดตั้ง เล่นได้ทั้งใน Air 5 และ 16 Pro ได้ปกติ

ลองทดสอบ app finance ที่ผมใช้อยู่ตามรูป ใช้ได้ทุกตัว ยังไม่พบปัญหาครับ ทั้งการยืนยันตัวตนด้วย Face ID, การรับ OTP , การเข้าใช้งานภายใน app

การจัดการพลังงาน การใช้งานแบต หลังวางเครื่องไว้เฉยๆ ตอนนอน ใช้ไป 3% ซึ่งถือว่า ไม่แย่มาก แต่ก็ไม่ถือว่า มีการจัดการพลังงานที่ดีครับ ผมให้คะแนน 6.5/10 สำหรับ beta 1

จริงๆ วันเดียว ยังน้อยเกินกว่า จะบอกภาพรวมที่ชัดเจนในการจัดการพลังงาน ของ iOS 26 beta แรก ควรต้องใช้ซัก 3 วันครับ (คืออาจพบว่า แย่กว่านี้)

ในส่วนของ UI แบบ liquid glass บางท่านอาจไม่ชอบ เพราะดูลายตา น่าปวดหัว

เข้าไปปรับใน Settings ได้ครับ ตรง Accessibility –> Display&Text Size –> Reduce Transparent

จะได้ตามรูป เทียบ ก่อนเปิด vs หลังเปิด Reduce Transparent

สิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา คือ คีย์บอร์ดภาษาไทย แบบใหม่ครับ

ลักษณะคล้ายๆ keyboard T9 ในโทรศัพท์ปุ่มกดในสมัยก่อน หลักการคือใช้การเดาคำในการพิมพ์ เมื่อเรากดแป้นพิมพ์ที่มีตัวอักษร จะผสมกันเป็นความหมายที่ต้องการโดยอัตโนมัติ

หน้าตาเป็นแบบนี้

ประกอบไปด้วยปุ่ม 4 แถวในแนวนอน และ 6 แถวในแนวตั้ง

วิธีการตั้งค่าใช้งานคือ

  1. ต้องลบ Thai keyboard ใน Settings –> General ออกไปก่อน

จากนั้นจึงกด Add new keyboard

2. ค้น Thai keyboard

3. เข้าไปใน Thai keyboard จะเห็น 24 Key ให้เลือก นอกเหนือไปจาก 5แถว และ 4 แถว แบบเดิม

4. จากนั้นเพิ่มเข้าไปใน keybord ของระบบ แล้ว edit เพื่อจัดลำดับภาษาตามปกติ

เวลาใช้งาน ไม่ต้องกลัว งง สะกดไม่ถูกนะครับ ลองเล่นดูได้ น่าจะทำให้พิมพ์ได้เร็ว และพิมพ์ถูกตัองตัวสะกด กันมากขึ้น

ดูจะเป็นการ update เล็กๆ แต่สำคัญมาก เพราะ keyboard น่าจะเป็น app ที่คนใช้งานกันมากที่สุด (มากกว่า app camera)

ความเห็นในช่วงท้ายของผม

ไม่แนะนำให้ลงในเครื่องหลักที่ใช้งานจริง ถ้าไม่สามารถ downgrade ได้ครับ

เพราะ เจอ crash เยอะมาก คือ ไม่ว่าจะใช้งาน app ใดๆ แม้ app พื้นฐาน มีเจอการเด้งออกจาก app และงานการเสียแน่นอน หรืออย่างน้อยสุด ก็เสียอารมณ์ จะหงุดหงิดง่ายครับ

แต่ถ้า downgrade ไป/กลับ ได้ด้วยตัวเอง และ ที่สำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจคำว่า beta developer version ไม่ตั้งคำถามว่า ทำไมเครื่องร้อน? ทำไมแบตหมดเร็ว? ทำไม app ใช้งานไม่ได้? ทำไมห่วยจัง เครื่องค้าง? ทำไม icon Contol center เป็นแบบนี้? etc. ก็ลองใช้งานได้เลยครับ

เพราะ Apple เป็น brand ที่ไม่ชอบบอกอะไรมาทั้งหมดในครั้งเดียว แต่ชอบให้เราค้นหา และรู้สึกสนุกกับการพบสิ่งใหม่ๆ เหมือนได้ผจญภัยครับ

กำหนดการปล่อย iOS 26 แบบ Official

ปกติ Apple จะชอบ update ตรงกับวันจันทร์ครับ

คาดเดาว่า

วันที่ 8 Sept จะปล่อย RC version พร้อมการเปิดตัว iPhone 17 series

Preorder iPhone 17 series วันศุกร์ 12 Sept

ปล่อยวันเต็ม iOS 26 วันจันทร์ ที่ 15 Sept

เปิดขาย iPhone 17 series พร้อมรับเครื่องใน tier 1 วันศุกร์ที่ 19 Sept

ref:

  1. https://developer.apple.com/documentation/ios-ipados-release-notes/ios-ipados-26-release-notes

วิธีตั้งค่า ChatGPT เป็นตัวค้นหาแทน Google ใน Safari

ปกติสำหรับคนใช้ Safari เป็น browser หลักใน iOS (หรือ iPad OS)

เข้าใน Settings –> Apps –> Default app –> Browser app

(ปัจจุบัน ตั้งแต่ iOS 14 จนถึง iOS 18.4 การตั้งค่า Default app ทำได้ตั้งแต่ Email, Messaging, Calling, Call Filtering, Browser App, Passwords and Codes, Keyboards และ Translate)

จากรูปใช้ Safari เป็น Default browser

และใน Safari จะให้เลือก search engine อีกที ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะใช้ Google กัน

จากรูปเข้า Settings –> Apps –> Safari –> Search engine

เครื่องนี้ใช้ Google เป็นตัวค้นหา

รูปแสดงการค้นหา

ผมต้องการรู้จัก Bis-HPPP ซึ่งเป็น metabolite ที่เกิดจาก degradation ของ Bis-GMA ใน Composite resin จึงพิมพ์ “Bis-HPPP” เข้าไปใน Tab bar ตามปกติ ผลที่แสดงออกมาจะตามแบบในรูปที่คุ้นชิน

คือ Google จะจัด index เวบที่เกี่ยวข้องตามความเกี่ยวข้องให้เราเลือกเข้าไปอ่านด้วยตัวเอง (เลือกอ่านได้ตามใจชอบ)

แต่ด้วยการมาถึงของ Apple Intelligenge ใน iOS 18.1 จนปัจจุบัน Apple ก็ยังแก้ปัญหา AI ของบริษัทไม่ได้ ทำให้ Apple ต้องพึ่งพา AI จากบริษัทภายนอก คือ ChatGPT ของ OpenAI

แม้จนถึงตอนนี้ ยังไม่สามารถ integrate ChatGPT กับ iOS ให้รองรับภาษาไทยได้ ยกตัวอย่างเช่น การสั่งคำสังเสียงภาษาไทย เพื่อให้ Siri รับคำสั่งส่งต่อไปที่ ChatGPT

ข้อมูลจาก Apple update จนถึงวันที่ 12 พ.ค. 2568 ในกรอบ label สีชมพู คือ ภาษาที่รองรับ (ยังไม่รองรับภาษาไทย)

แต่ยังมีทางลัดการใช้งานอีกวิธี ถ้าเราไม่เน้นการใช้ Siri คือ การใช้ AI ของ OpenAi เป็น search engine ในการค้นหา ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่ iOS 18.1

หลักการคือ แม้ Apple จะไม่มี settings ให้ ChatGPT เป็น default search engine แต่ยังเปิดโอกาสให้เราใช้ ส่วนขยาย (extensions) ของ Safari เป็น ChatGPT ในการค้นต่อจาก search engine อีกที

วิธี setting คือ เข้า Settings –> Apps –> Safari –> Extensions ตามรูป

(ในเครื่องต้อง download app ChatGPT และ update version แล้ว)

เมื่อลองค้นหา โดยพิมพ์เข้าไปใน Tab bar ของ Safari

หน้าเวบจะ redirect จาก Google แว้บนึง แล้วจึงเข้า ChatGPT เพื่อค้นหาและแสดงผลครับ (ใช้เวลาแสดงผลนานกว่าใช้ Google ปกติ)

ถ้าจะอ่าน reference ต่อ ก็กด link ทัายข้อความแต่ละบรรทัดแสดงผล หรือ กดตรง “ที่มา” บรรทัดด้านล่างสุดครับ

และถ้าต้องการใช้เครื่องยังแสดงผลการค้นหาแบบเดิม ร่วมกับ แบบใช้ ChatGPT ต้องใช้วิธี download browser ตัวใหม่ หรือ ใช้ app Google เป็นตัวค้นหาร่วม

แต่ถ้าไม่ชอบ ต้องการให้ Safari ใช้ Google ค้นหาแบบเดิม ก็ใช้กระบวนการย้อนกลับ คือ เพียงเข้าไป “ปิด” Safari extensions ส่วนของ ChatGPT แค่นั้นเองครับ

ref:

  1. https://www.macrumors.com/how-to/set-default-iphone-apps/?utm_source=chatgpt.com
  2. https://www.apple.com/th/newsroom/2024/10/apple-intelligence-is-available-today-on-iphone-ipad-and-mac/
  3. https://www.blognone.com/node/140291
  4. https://support.apple.com/th-th/121115
  5. https://appleinsider.com/articles/25/03/18/how-to-set-chatgpt-as-your-default-search-engine-in-safari?utm_source=chatgpt.com

การ Block เบอร์ spam และ มิจฉาชีพ แบบ Real time ของ iPhone

ถ้าใครเคยใช้ app Whoscall ใน Android phone จะรู้สึกว่า มันน่าทึ่งมาก เพราะ app สามารถทำตัวเป็น Phone app แบบเกือบสมบูรณ์แบบ คือ แทบจะใช้แทน app Phone จริงๆ ในโทรศัพท์ได้เลย

และโดยเฉพาะ ความสามารถในการ Block เบอร์ spam ขายของ ขายประกัน และเบอร์มิจฉาชีพ ที่ Whoscall มีฐานช้อมูลอยู่

การทำงานของ app Whoscall ใน Android phone คือ app จะเข้าถึงเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้าเครื่องจาก Caller ID แล้วส่งกลับ Caller ID นั้นไปยัง ฐานข้อมูลของ app (ส่งข้อมูลเบอร์ที่กำลังโทรเข้ามา กลับ server ของ Whoscall) เพื่อ check ว่า Caller ID ตรงกับเบอร์ที่มีรายงานอยู่หรือไม่?

ถ้าตรวจสอบ แล้ว เจอว่าใช่ app จะทำการ Block เบอร์ ที่มี Caller ID นั้น ทันที (โดยเจ้าของเครื่อง ยังไม่ต้องทราบว่า เป็นเบอร์ของใคร)

แต่สำหรับ iPhone นั้น app อย่าง Whoscall ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะ Apple ถือว่า Caller ID ของผู้ที่โทรเข้ามา เป็น ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ (เจ้าของเครื่อง) ทำให้ app ไม่สามารถเข้าถึง Caller ID ใน iPhone ได้โดยตรง

app ทำได้เพียงการ check ย้อนหลัง เมื่อเจ้าของเครื่องต้องการตรวจสอบ โดยการตั้งค่า ข้อมูล Caller ID ที่เข้าเครื่อง จึงจะสามารถแสดงผลว่าเป็น เบอร์ spam หรือ มิจฉาชีพ และถูก block อีกครั้ง

แต่การมาถึงของ iOS 18.2 ขจัดปัญหารอยต่อนี้ออกไปได้ โดยยังคงสิทธิ์ความเป็นส่วนตัว ในการรักษาข้อมูลผู้ใช้ได้เหมือนเดิมครับ

วิธีการ คือ Apple เพิ่ม Live Caller ID Lookup API ซึ่งเป็นการเข้ารหัสเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาใน iPhone (เป็น API ใหม่ ที่เพิ่มขึ้นมาใน iOS 18.2) จากนั้น app ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเบอร์ จะรับเบอร์ในรูปที่เข้ารหัส กลับไป check ที่ server ของตนเอง แล้วจึงส่งข้อมูลการตรวจสอบนั้นกลับมาแสดงผลที่หน้าจอ เป็น การแสดงผล หรือ block ไม่ให้โทรเข้า โดยอัตโนมัติ (ตามการตั้งค่า)

การแก้ปัญหานี้ ยังอยู่ในพื้นฐานของกฏเดิมจาก Apple ที่ข้อมูลผู้ใช้ iPhone ยังเป็นส่วนตัว app ที่ใช้ block และตรวจสอบเบอร์ ยังคงไม่สามารถเข้าถึงได้เหมือนเดิม (คือ เข้าถึงแบบเบอร์ถูกเข้ารหัส และส่งกลับมาในรูปเบอร์ที่ยังถูกเข้ารหัสอยู่)

แต่การทำงานของ iPhone ในตอนนี้ เครื่องต้องอยู่ที่ iOS 18.2 (หรือ ใหม่กว่า) และ app ที่ใช้งาน ยังได้เฉพาะ Truecaller เท่านั้น

ในอนาคต app Whoscall ก็น่าจะรองรับ Live Caller ID Lookup API นี้เช่นกัน

ref:

  1. https://9to5mac.com/2025/01/22/ios-18-2-enables-real-time-spam-and-scam-blocking-in-truecaller-app/?fbclid=IwY2xjawIDLExleHRuA2FlbQIxMQABHSxrCe0ulsJLsRX5OezaFnKpRUpCNyY94t6fexKnVAVh2ktHI_y1EFTocQ_aem_OTO121e9DuL5s0f82ChTmg

2. https://apps.apple.com/th/app/truecaller-caller-id-block/id448142450

การ Settings iPhone 16

บทความนี้เหมาะสำหรับ user ที่ข้ามมาจาก iPhone ที่ต่ำกว่า 15Pro นะครับ

เพราะ เป็นการตั้งค่า iPhone 16 series ที่มี 2 ปุ่มใหม่ (ใหม่สำหรับ iPhone 15, 15Plus ลงไป) คือ

  1. Action button
  2. Camera control button

ร่วมกับการ integrate ของ iOS 18 ครับ

ก่อนจะมา iPhone 16 เครื่องที่ผมใช้อยู่คือ 6s+ ครับ

ใช้เพราะเป็นความผูกพันจาก “เพื่อนสนิท” ท่านหนึ่ง ที่คบกันมายาวนาน ผมจึงใช้เครื่องนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ครับ โดยในระหว่าง 2558-2567 ผมได้มีโอกาสจับ iPhone 11, 13, 14, 15 เป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็รู้สึกยังไม่ลงตัวในการใช้งานครับ ทำให้ต้องกลับไปที่ 6s+ มาตลอด

จนมาถึง iPhone 16 ในปีนี้ การใช้งาน 6s+ เริ่มถึงทางตัน เพราะการ support iOS ของ Apple หยุดที่ iOS 15.8.3 ทำให้การใช้ Widgets และ app หลายตัวใน App Store เริ่มมีปัญหา (ใช้งานไม่ได้ บาง Developer หยุด support)

ประกอบกับความลงตัวของ Apple ในการพัฒนา Dynamic island (ตั้งแต่ iPhone 14), การใช้ USB type-C port (เริ่มใน iPhone 15) และการเปลี่ยนแปลง iOS ของ iOS 18 ที่มีการปรับหน้า Home screen ร่วมกับ การปรับราคาเริ่มต้นตอนเปิดตัวในการขายที่ประเทศไทย ลดลงจาก iPhone 15 series ~ 5% จึงทำให้ผมตัดสินใจเปลี่ยนจาก 6s+ มาใช้ iPhone 16 อย่างเป็นถาวรครับ

รูปแสดง 6s+ ที่ผมใช้งานอย่างต่อเนื่องมา 9 ปี (เคยเปลี่ยนแบตจาก Apple Store @CTW ไป 1 ครั้ง)

ใช้กันจน Support ครั้งสุดท้ายครับ (น่าจะ) เพราะการ update ทำเพียง Security patch ไม่มีการเพิ่ม function ใหม่ๆ จาก Apple แล้ว

ปีนี้ (พ.ศ. 2567) Apple ยังให้ ไทย เป็น Tier 1st ในการวางขายครับ

เปิดตัว Apple event วันอังคารที่ 10 ก.ย. –> Preorder วันศุกร์ที่ 13 ก.ย. –> ขายและรับเครื่อง วันแรกในอีก ศุกร์นึง ต่อมา คือ วันที่ 20 ก.ย. 67

บังเอิญที่วันศุกร์ เป็นวันที่ผมว่างงานครับ ทำให้มีโอกาสได้ใช้ iPhone 16 ตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย

บรรยากาศของวันแรก ค่อนข้างวุ่นวายตามคาด ปกติการ Order แล้วเข้าไปรับสินค้าใน Apple Store จะใช้เวลา ~ 15 min แต่วันนั้นซัดไป 40 นาทีครับ น้องๆ ที่ Apple Store ทำงานได้ดีมาก สังเกตว่า ถึงจะโดนต่อว่าจาก ลูกค้า ที่ไม่เข้าใจ process ของวันแรก แต่น้องๆ ก็ยิ้มแย้ม และ ตอบขอโทษ อย่างใจเย็น ซึ่งผมอยู่ในเหตุการณ์อย่างใกล้เลย รู้สึกชื่นชมมาก น้องๆ มี Service mind และ train มาดีจริงๆ

บรรยากาศที่ถ่ายจากชั้น 2 ตอนนั้นสายแล้วครับ ผู้คนที่มาต่อแถวด้านหน้า แบบที่เห็นในข่าว หลบไปรอด้านข้าง Store กันหมดแล้ว (คือ เริ่มร้อน)

ผมยังรอ Que รับเครื่อง เลยเล่นเครื่อง Demo อยู่ใกล้ๆ

ลองเข้าเวบจาก เครื่อง Mac Air (M3) demo

ลองวัดความเร็ว WiFi ใน Apple Store พบว่า speed ต่ำมาก ตามคาด เพราะมีลูกค้าที่ใช้ WiFi นี้ set เครื่อง ถ่ายโอนข้อมูลจากทั้งเครื่องเก่า และ iCloud กันใน shop เลย

คือ มันจะช้ามากครับ อยากแนะนำว่า เข้าไปหาร้านนั่งกินกาแฟใน CTW แล้วใช้ WiFi ของ Operator เช่น AIS จะได้ High speed ที่สูงกว่านี้ครับ คือได้ถึง 1xx Mbps ขึ้นไป ซึ่งเร็วเพียงพอ

ดูเครื่อง iPhone 16 Demo เล่นๆ ครับ

16PM black Ti

i16 Ultra-marine

ปีนี้ Apple จัดรุ่น 16, 16Plus ให้ได้สีที่สวยมากจริงๆ

เมื่อใส่ Silicone case

ตัวนี้คือ Beat case ที่ขายใน Store ครับ ทำจาก TPU และด้านในบุกำมะหยี่

บุกำมะหยี่ ราคาเคส เท่า Silicone case เลย

Silicone case

ราคาจัดว่า แพงมาก สำหรับ Silicone

ผมลองใช้ wk กว่าๆ รู้สึกไม่ต่างจาก Silicone รุ่นแล้วๆ มาครับ

เลยนำไปคืน Apple Store เป็นที่เรียบร้อย

ตอนนี้ Apple ไม่ผลิต leather case แล้ว หลังจาก Fine woven case ปิดฉากไป ก็ยังไม่มี วัสดุเทียบหนัง ตัวอื่นๆ เข้ามาแทน

ที่มีขายในไทย ที่คุ้มราคามากที่สุด สำหรับ leather case ผมให้ของ Nomad ครับ (ราคาเท่า Apple Silicone case แต่ได้ leather case)

เทียบขนาดหน้าจอ และ มิติเครื่อง 16 (ซ้ายมือผู้อ่าน) vs 16Pro(ขวามือ)

ลองดูความจุของ iOS 18 ที่อยู้ในเครื่องเปล่าๆ ที่ยังไม่ได้ลง app จากภายนอกครับ

กิน space ไป ~ 40 GB (ให้ไว้เป็นข้อพิจารณาในการเลือกความจุเครื่อง)

ได้เวลากลับพอดี

ผมเลือกการถ่ายโอนข้อมูลเครื่องเก่า จาก iPad Air ที่ใช้งานประจำแทนที่จะใช้ 6s+ ครับ เพราะ app และ ข้อมูลการจัดเรียง icons ใน Home screen update กว่า (ตอนนี้ iPad เครื่องนี้ใช้ iOS 18.1 beta 4 ครับ)

การ Transfer เลือกใช้ cable

Unbox

ขณะนี้ iPhone ที่ขายในไทย ยังผลิตจากโรงงาน Foxconn ที่จีน ประเทศเดียวเท่านั้นครับ

แต่ปลายปีนี้ Apple จะให้โรงงาน Foxconn ที่รัฐทมิฬนาฑู เริ่มผลิต iPhone 16Pro series (ปกติโรงงานนี้จะผลิต iPhone series ธรรมดา แต่ปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผลิตรุ่น Pro)

รูปนี้แสดงเข็มจิ้ม SIM tray ของ Apple เทียบเข็มที่ให้มากับ 6s+ เทียบกับที่อยู่ในกล่องปัจจุบันครับ

ของเก่าจะกลมและใหญ่กว่า

เตรียม Transfer

ภาพเริ่มต้นการ Transfer จากหน้าจอ iPad

ภาพจากหน้าจอ iPhone

Process คล้ายๆ การทำ Direct transfer แต่ผมอยากดูว่า ถ้าใช้ cable จะทำได้เร็วกว่าหรือไม่?

ปรากฏว่า เร็วมาก (เร็วกว่า Estimate time ที่เครื่องคำนวณไว้)

หลังจากนั้นเป็นการ Sync ข้อมูลกับเครื่อง Mac ครับ

หน้าตาเครื่องเมื่อ Transfer เสร็จ

สิ่งแรกที่ต้องทำเลย หลัง Transfer data เสร็จ คือ การลองกล้องครับ

นี่คือ รูปจากกล้องรูปแรก

ลองกล้องหน้า

เมื่อเทียบกับ Preview พบว่า Apple ยังให้รูปที่ได้มีการ process หนักเหมือนเดิม

(รูปที่ได้ สีมืดกว่าที่ Preview)

ลอง Macro mode ผมเล็งไปที่หยดน้ำ ตรงกลีบดอกบัว ทิศ 8 นาฬิกา

0.5x

1x

2x

5x (ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องนะครับ)

ลอง Lanscape แบบมีแสงพอ

ผม shot จาก BTS บางหว้า ครับ เล็งไปที่ป้ายชื่อ รพ.

ระยะ 800 ม. ครับ

0.5x

1x

2x

5x

ระยะเดียวกัน ตอนกลางคืนบ้าง เล็งไปที่ป้ายชื่อ รพ. เหมือนเดิม

0.5x

1x

2x

5x

ลองใช้กล้องในที่ทำงาน

พบว่า ระยะที่ดีที่สุด คือ 2x ครับ

ระยะ 5x ไม่ค่อย work ถ้าใช้มือจับ (ต้องใช้ขาตั้งกล้อง)

ในส่วนของกล้อง โดยรวม iPhone 16 ไม่ต่างจาก 15 ครับ มันคล้ายกันมาก ซึ่งสอดคล้องกับ Score จากเวบที่ทดสอบ

ผลออกมาไม่ค่อยแตกต่างครับ

เช่น Dxomark ปกติถ้า Apple เปลี่ยนแปลงกล้องมากๆ อันดับ Dxomark จะเข้ามาที่ 2nd แต่ปีนี้หลุดไป 3rd

นั่นหมายความว่า ก่อนสิ้นปีนี้ iPhone 16PM จะถูกค่ายจีน เบียดตกจาก Top 5 แน่ๆ

Phone Arena

ของค่ายนี้ เห็นได้ชัดว่า กล้อง 16PM ไม่ได้ต่างจาก 15PM อย่าง significant เลย

แต่ ถ้าลองวัดความรู้สึกจากการใช้งานจริง อาจเป็นอีกแบบ

ผมลองให้ลูกน้องเล่น เพื่อทดสอบกล้องหน้า สภาพแสงในคลินิก

ถามความรู้สึกเขาดู ก็บอกว่า ชอบกล้องหน้าของ i16 กันนะครับ บอกดีกว่า รุ่นก่อนๆ มาก (อันนี้คือ Selfie แบบไม่ได้ปรับ Skin tone (คือไม่ใช้ Photographic styles))

การใช้งานวันที่ 2 เข้า log in ทุก app ในเครื่องเรียบร้อย

หลัง Unbox ใน 2-3 วันแรก ถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น การใช้งานเครื่องช้าผิดปกติ หรือ อาจเจอ Restart ตัวเอง แบบไม่ได้ทำอะไร คือ วางไว้เฉยๆ หรือ รู้สึก battery ลดเร็วมาก ทั้งที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็ยังไม่ต้องตกใจนะครับ

บางคนอาจจะเจอข้อความนี้ที่ Settings –> Battery

เกิดจาก iOS ที่ทำงานเบื้องหลัง

เช่น ต้อง index รูปทั้งหมดใหม่ครับ สมมติเราจะ search รูปใน album โดยใช้ วันที่ ที่ถ่ายรูป ในช่วงเวลาต่างๆ หรือ ค้นรูปที่ถ่ายตาม place ต่างๆ ข้อมูลที่บันทึกในรูป จะถูกจัดเรียงและทำ index ตาม time line และ place นั้นๆ ให้เรียบร้อยก่อน  เราจึงใช้การ search รูปใน album ได้ ใน iOS 18 มีการเพิ่มความสามารถของ AI 1 ในนั้นคือ Natural language search คือ การค้นหารูปที่ใช้คำสั่งได้ใกล้เคียงภาษามนุษย์มากขึ้น เช่น ค้นรูปเด็กที่กำลังวิ่งเล่นในสนามฟุตบอล (คำสั่งค้นซับซ้อนขึ้น) การทำ index ก็จะซับซ้อน และใช้เวลามากกว่าเดิม (การทำงานนี้จะอยู่ในเบื้องหลัง)

หรือ การ Sync ข้อมูลในเครื่องกับ iCloud etc.

หลังเข้าไปใช้ service ของ Apple Store จะมี Questionaire ตามมาให้ประเมิน น้องพนักงาน ที่เข้ามา take care เราทุกครั้ง

ซึ่งข้อดี คือ ถ้าใครเจอ Bad impression จากพนักงาน ก็จัดเต็ม ประเมินกลับไปได้เลย

อีกเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงของ i16 คือ การใช้งาน 5G กับ Operator AIS ครับ

ในค่าย True เดิม เราสามารถใช้ 5G SA (Stand Alone) ได้ ด้วยการใช้ Physical SIM card ที่เป็น SUCI SIM ตั้งแต่ iOS 16.4

รูปแสดง SUCI SIM card ของ True

เทียบกับ SIM 5G ทั่วไป ไม่เห็นความแตกต่าง

ส่วนของ AIS เดิมต้องใช้ e-SIM เท่านั้น จึงจะใช้ 5G SA ใน iPhone ได้

ถ้าใช้ Physical SIM card จะขึ้นแบบนี้ครับ

รูปแสดง 5G Stand Alone เป็น grey menu ไม่สามารถเปิดใช้งานได้

ถ้าลองใช้ Field test mode คือ กด *3001#12345#*แล้วกด โทรออก

จะได้หน้านี้ออกมา

สังเกตว่า บรรทัดที่ 2 ระบุ 5G NSA (Non Stand Alone)

แต่ตอนนี้ AIS ไม่จำเป็นต้องใช้ e-SIM เพื่อใช้ 5G SA แล้วครับ

เพียงเราไปเปลี่ยน SIM เป็น SIM รุ่นใหม่ ของ AIS ก็ใช้งาน 5G SA ใน area ที่รองรับได้ทันที

ลองทดสอบ Field test mode ทันทีที่เปลี่ยน SIM ใหม่

การตั้งค่า

ในส่วนนี้จะพูดรวมกันทั้ง iOS 18 และ i16 นะครับ เพราะความสามารถบางอย่างแยกกัน และบางสิ่งร่วมกัน

1. หน้า Lock screen

สังเกตแถวล่างสุด เดิมเป็น Torch และ Camera ตอนนี้เราปรับให้เป็นอย่างอื่นได้แล้ว

หรือ จะไม่วางอะไรไว้เลย ก็ได้ครับ

วิธีคือ อยู่ที่หน้า Lock screen แล้วกดค้างไว้นานๆ จะเข้ามาที่หน้านี้ครับ

ถ้าเราแตะ – ออก ก็จะได้หน้านี้มาทันที

แต่ถ้าเพิ่ม + ก็สามารถเลือก function อื่น มาวางได้ครับ

การ Settings ทำได้ทั้งจากหน้า Lock screen โดยตรง หรือ เข้า Settings ของเครื่อง –> Wallpaper –> Customize ก็ได้

2. การปรับ Action button

ผมเลือกวิธีใช้ Shortcut ครับ เมื่อปรับ Action button ให้มี Shortcut จะได้คล้ายๆ แบบนี้

รูปที่ Home screen เมื่อเรากด Action button ค้าง จะเรียก

ไฟฉาย, SCB scan จ่าย, 7-11 QR code จ่าย, Truemoney QR code จ่าย, ปิดเสียง, สุดท้าย คือ การยกเลิก ไม่เลือกอะไรเลย

ครั้งแรก เราต้องสร้าง Shortcut ทึ่ต้องการก่อน

ตัวอย่างเช่น Shortcut ของไฟฉาย

Shortcut ของ SCB scan

Shortcut ของ 7-11

Shortcut ของ Truemoney

Shortcut ของ Cancel

จากนั้นรวมทุก Shortcut เข้าด้วยกันเป็น 1 action ครับ ในที่นี้คือ Shortcut ที่ผมตั้งชื่อว่า Action

ภายใน Action Shortcut ก็จะมีการจัดเรียงไว้แบบนี้

หลังจากนั้น เข้า Settings –> Action button แล้วเลือก Shortcut ที่เราต้องการครับ

สำหรับ Shortcut ของ Wallet อื่นๆ ติดตามได้ที่เพจ Magi ครับ

ตัวอย่าง Wallet Deep link อื่นๆ เพื่อสร้าง Shortcut

3. การตั้งค่า Camera control button

ตรงปุ่มนี้ จะมี 2 ตำแหน่งครับ

(3.1) Settings –> Camera

Camera control –> Camera

เมื่อเลือก Clean Preview เวลาใช้ปุ่ม Camera control ค่า menu ต่างๆ บนหน้าจอ จะถูกลบออกไปทั้งหมด ให้เราเห็นเฉพาะ menu ที่อยู่ใต้ Camera control button

แต่ถ้า “ปิด” Clean Preview จะได้หน้าจอแบบนี้ (หน้าจอ Camera app แบบปกติ)

การ launch camera ใช้การกดเรียกครั้งเดียว (Single click) จะสะดวกสุด

นอกจากนั้น การ map ปุ่ม Control camera เพื่อเรียก app อื่น เช่น IG หรือ Halide ก็เปลี่ยนใน menu ล่างสุด ได้ด้วย

(3.2) การตั้งค่า Camera control button ในส่วนที่ 2 อยู่ใน Settings –> Accessibility

ในส่วนนี้เป็นการตั้งค่า น้ำหนัก การเลื่อนของปุ่มที่กดครับ

การควบคุมปุ่ม ให้เลือกทั้ง Light-press และ Swipe จะเป็นการควบคุมได้ ทั้งการแตะเบาๆ หรือ แค่การไถนิ้วเลื่อนผ่าน

ส่วน น้ำหนักการกด ให้เลือก Lighter เพื่อให้กดได้ง่ายที่สุดครับ

ส่วนการเลือก Double light-press speed ให้เลือก Slower คือ speed ในการกด Double click ช้าที่สุด (เท่าที่จะทำได้) จะทำให้การเปลี่ยน menu ทำได้ง่ายขึ้นครับ

4. การจัดระเบียบของ Photo Album ตรงนี้เป็นความสามารถใหม่ของ iOS 18 ที่ Apple ปรับให้ใหม่แล้วงงมาก

วิธีแก้ไขคือ เข้า Photo app ในเครื่อง แล้วเลื่อนลงมาล่างสุดครับ

จะเจอ ” Customize & Reorder”

ให้กดเข้าไป แล้วค่อยเลือกปรับตามที่ชอบใจ ของผมจะได้แบบนี้

ส่วนของการปรับที่สำคัญที่สุด คือ Pinned Collections ครับ

เพราะส่วนนี้ เป็นการรวม menu อื่นๆ ที่มีทั้งใหม่ และเป็น menu ที่ซ้ำซ้อนกับส่วนอื่นๆ การปรับ Pinned Collections จะทำให้หน้าตาของ Photo app กลับไปดูง่ายเหมือนใน iOS ที่ผ่านมาครับ

ให้เลือก Modify Pinned Collections จะเจอหน้านี้ครับ

จะเห็นว่า มี menu ที่ซ้ำซ้อนกับส่วนอื่นๆ เยอะมาก ให้เลือกแสดงเฉพาะ menu ที่ต้องการเท่านั้นครับ ช่วยให้หน้าตาภายใน Photo app ดูโล่งขึ้น ไม่ซับซ้อน

หน้าตา Photo app ในเครื่องที่ปรับใหม่

iPhone 16 + iOS 18 เป็นเครื่องมือที่ทำให้การดำรงชีวิตประจำวันดีขึ้นมาก ใช้งานเครื่องให้สนุกครับ

ref:

  1. https://www.apple.com/iphone-16-pro/specs/
  2. https://events-delivery.apple.com/2907awdhsyhpvlytqgjqgskvlqzxnhph/m3u8/vod_index-wQcWZLpctCRAsNbtagWZNbgMeoyExYKV.m3u8
  3. https://unwire.hk/2024/08/21/iphone-16-pro-assembled-india-first-time/mobile-phone/
  4. https://www.dxomark.com/smartphones/
  5. https://www.phonearena.com/phones/benchmarks/camera
  6. https://pantip.com/topic/41951022
  7. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10160523741123320&id=137707208319&set=a.409508763319
  8. https://www.facebook.com/magiDIY