
เขียนไว้เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ทศวรรษ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และ เพื่อเป็นการรำลึกถึงเพื่อนสนิทท่านหนึ่ง
โหมโรง เป็นภาพยนตร์ไทย ฉายในปี พ.ศ. 2547 สภาพสังคมไทยในช่วงนั้น internet เริ่มมีความแพร่หลายแล้ว เป็นช่วงที่ internet cafe เจริญจนถึงขีดสุด ส่วน internet ตามบ้านพักอาศัย ยังอยู่ในระดับที่กำลังเติบโต
เราใช้ Modem 56k ในการต่อ net บ้าน
วิธีการต่อ คือ ใช้สายโทรศัพท์บ้าน เป็นตัวเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการ internet (เป็น Modem แบบ analog) ความเร็ว net ที่ได้ เต็มที่ = 56/33.6 kb/s (Upload/Download)
และยังไม่มี Social app แบบ Facebook, Youtube, Tiktok
เครือข่ายทางสังคมใน internet นิยมใช้กระดาน Webboard เพื่อเชื่อมต่อกัน
หนังเรื่อง โหมโรง ตอนที่ฉายใน wk แรก ทำรายได้ได้น้อยมาก แต่คนที่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้ แล้วชอบมีจำนวนมาก จนเกิดกระแสใน Webbord ดังๆ เช่น Pantip แล้วลุกลามไปเรื่อยๆ จนถึง สื่อมวลชนหลักๆ ทั้ง TV, สถานีวิทยุ FM และ หนังสือพิมพ์
ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ คือ คุณ อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์

ในปี 2547 เป็นช่วงที่ ผมได้ลงมาทำ คลินิกแบบ Full time เป็นช่วงแรกของการทำงานทันตแพทย์ และได้ทำงานกับเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุข และ เต็มไปด้วย พลังและความคิดเยอะมาก
หลังจากกระแส โหมโรง จุดติด จึงได้มีโอกาสไปดูแลัวก็ “ชอบมาก”
ในตอนนั้น วงการทันตแพทย์ เชื่อมต่อกันด้วยกระดาน Webboard หลายเวบ และ กระดานที่ดังที่สุดตอนนั้น คือ Satabun.com ที่มี admin คือ ท่านอาจารย์ สม สุจิรา

กระดาน Webbord ของ Stabun.com นอกจาก admin จะสร้างห้องพูดคุยสำหรับทันตแพทย์ในแต่ละรุ่น แต่ละมหาวิทยาลัยที่จบออกมา (เทียบได้กับ Facebook group ในตอนนี้)
ก็ยังมี ห้องที่พูดคุยกันเรื่องทั่วไป เรื่องงาน เรื่องปัญหาทางวิชาการ ซึ่งมีท่านอาจารย์ในคณะ ของ ม ต่างๆ เข้ามาพูดคุยกันเยอะมาก
แต่เนื่องจาก ยังไม่มีระบบ log in สมาชิก เนื่องจาก admin ผู้สร้างเวบ จะคิดว่า จะมีคนเข้ามาใช้เยอะขนาดนี้ ถ้าจะทำระบบ log in สมาชิกใหม่ ฐานข้อมูลเดิมต้องทิ้งทั้งหมด พูดง่ายๆ คือ เหมือนสร้างเวบใหม่ ทำให้กระทู้เก่าๆ ต้องหายไป เลยเป็นการเล่นกัน โดยไม่มี log in
สมาชิกที่เข้ามาคุยเหมือน Anonymous แต่อาศัยใช้ชื่อเดิมๆ ในการคุยโดยอาศัยความเชื่อใจกัน เพราะสมาชิกจำนวนมาก มักจะเข้าไปคุยกันใน ห้องของรุ่นตัวเองเท่านั้น
และ ผมใช้ “dr.mai” เป็น log in
ย้อนกลับมาที่ ผมกับเพื่อน หลังจากได้กลับไปดูเรื่อง โหมโรง มาเรียบร้อย
เรากลับมา discuss กันเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง (คือ คุยกัน 2 คน นี่หละครับ)
ผมเกิดความคิดขึ้นมา อยากให้ ทันตแพทย์มีเรื่องราวในแบบ โหมโรง บ้าง
โดยย่อ โหมโรง คล้ายเป็นเรื่อง Βiography ของ ท่านหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ซึ่งมีชิวิตในช่วง รัชกาลที่ 5 – รัชกาลที่ 9 แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ Biography ซะทีเดียวครับ
ต้องเรียกว่า อาศัยแรงบันดาลใจ จาก Biography ของท่าน หลวงประดิษฐ์ไพเราะ มากกว่า
หนังกล่าวถึง ประวัติของท่านในช่วงต้น ตั้งแต่เด็ก จนโต ในช่วงนี้จะสนุกมาก เพราะได้เห็นความเป็นอยู่ของคนสยามในสมัยก่อน และ การประชันระนาดของดนตรีไทย
พระเอกในเรื่อง คือ ศร เป็นคนที่มี Gift ในด้านนี้ และได้รับการฝึกฝนมาดีมากๆ
แต่ plot คล้ายๆ หนังจีนกำลังภายใน คือ เจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่า และ พบความพ่ายแพ้
จนต้องไปฝีกวิชาระนาด ทำให้ค้นพบ ทางระนาดแบบใหม่ ที่ไม่เคยมีผู้ใดตีได้แบบนี้มาก่อน และประชันกันอีกครั้ง ก่อนจะชนะได้ ในที่สุด
แต่ peak ของเรื่องคือ หลังจาก ศร อายุมากขึ้น รับราชการก้าวหน้า จนในช่วงท้ายๆ ของชีวิต ซึ่งตรงกับในช่วง ปฏิวัติวัฒนธรรมไทย สมัยที่ จอมพล ป พิบูลสงคราม เป็น นายกรัฐมนตรี ซึ่ง 1 ในการปฏิวัติวัฒนธรรม คือ ดนตรีไทย ซึ่ง ท่านผู้นำ มองว่า เป็นพวก conservetive โบราณ ไม่นำสมัยเหมือน ดนตรีจากตะวันตก ที่กำลังเข้ามา
ราชการจึงพยายาม “จำกัด” การเล่นดนตรีไทย อย่างเข้มงวด (ถ้าตรงกับ สมัยนี้ คือ มีการควบคุมสื่อ นั่นเองครับ)
การปฏิวัติดนตรีไทยในช่วงนี้ ทำให้วงการดนตรีไทยได้รับความลำบากมาก ครูดนตรีไทย และนักตนตรีเก่งๆ ต้องตกงาน ไม่มีงานออก ไม่มีรายได้ ลำบากกันทั่วหน้า
โหมโรง จบลงตรงที่ จะสื่อว่า ไม่ว่าจะยากลำบากอย่างไร ก็อย่าลืมรากเหง้า ( DNA ของความเป็นไทย) ในกรณีนี้ คือ ดนตรีไทย

plot เรื่องของผม โดยอาศัย โหมโรง เป็นเค้าโครง
ในสมัยที่ทันตแพทย์ใช้วัสดุพิมพ์ปาก Elastomer กันอย่างแพร่หลาย (Elastomer คือ Polymer ที่มี chain ยาวมาก มีโมเลกุลใหญ่ เรียก มหโมเลกุล) จนมาวันนึง บริษัทผู้ผลิตใน US ได้มีการจำกัดการผลิต และ ค่อยๆ ลดการผลิตวัสดุชนิดนี้ลง ทำให้การนำเข้า material นี้หยุดลง
ทันตแพทย์ในไทย ได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะไม่สามารถทำงาน fix pros ได้เลย
(ตรงนี้ เพื่อนผม ถามว่า ทำไมต้องเป็นวัสดุพิมพ์ปาก?
ผมตอบว่า ในเรื่อง โหมโรง กล่าวถึง หลวงประดิษฐ์ไพเราะ ทำให้หลังจากดูแล้ว ทำให้ผมนึกถึง ท่านอาจารย์ยาหยีศรีเฉลิม ศิลปบรรเลง อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ มหิดล
โดยส่วนตัว ผมไม่เคยเรียนกับท่าน ได้เพียงอ่านหนังสือ เลยรู้สึกว่า ท่านเก่ง และมี experience ในการทำฟันปลอมมาก เลยนึกถึง วัสดุพิมพ์ปากขึ้นมาเฉยๆ

และ ปืน Silicone มันถือได้คล้าย ไม้ตีระนาดสุด )

หลังจาก ทันตแพทย์ไม่มี Elastomer impression material ใช้งาน
ทันตแพทย์ รชต ( รัด-ชะ-ตะ) เหมือน ศร ในเรื่อง โหมโรง ก็ฝึกการใช้ทักษะพิเศษ เรื่อง การมอง โดยพัฒนาเครื่องมือ ที่ใช้การมองวัตถุ เพื่อจำลักษณะต่างๆ และ copy แบบนั้นขึ้นมา โดยไม่ต้องใช้วัสดุพิมพ์แบบ แบบเดิม ทำให้การทำฟันปลอมกลับมาทำได้ตามปกติ โดยไม่ต้องใช้ Elastomer impression material อีกต่อไป “
หลังจากได้ plot จึงเป็นที่มาของภาพนี้ โดยใช้กล้องใหญ่ของเพื่อนเป็นคนถ่าย โดยผมเป็นแบบ และ ทำขึ้นที่ คลินิก ที่เราทำงานอยู่ ในช่วงหลังเลิกงาน และ เพื่อนเป็นคนแต่งรูป โดยใช้โปรแกรม Photoshop จนออกมาเป็นรูปนี้
และโพส เรื่องและรูปนี้ เป็น 1 กระทู้ ลง Satabun.com

มาถึงวันนี้ สิ่งนึงที่ไม่น่าเชื่อ คือ ผ่านมา 20 ปี เรื่องใน plot อาจจะเกิดขึ้นจริง จากการมาถึงของ Scanner 3D ซึ่งเข้ามาทดแทน Impression material, Plaster, Wax


แบบที่เคยเล่า ในเรื่องนี้ครับ

ใน Dent mat ปัจจุบัน อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นกับ วัสดุพิมพ์ปาก ก็เกิดขึ้นแล้ว ใกล้เคียงใน plot เมื่อ 20 ปีที่แล้วครับ

ref:
- https://readthecloud.co/the-overture/
- https://routerconnection.blogspot.com/2010/09/modem-56k-router.html
- https://web.archive.org/web/20060205140218/http://satabun.com/
- https://th.wikipedia.org/wiki/หลวงประดิษฐไพเราะ_(ศร_ศิลปบรรเลง)
- https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1561276174040108&id=773817159452684&set=a.773843676116699
- https://protectordent.com/products/dispenser-gun-kit-50ml-dental-impression-material-dispensing-guns-solid-epoxy-gun-1-1-1-2-for-dispense-dental-resin-materials-adhesive-and-glue
- https://dentdiary.com/2023/01/02/หากว่าน้อยไป-ฉันจะเล่าใ/?fbclid=IwY2xjawISjNhleHRuA2FlbQIxMQABHcV7LK_xjlde0zVcxzTddrlaqE1jLPCKP8pVtrzr2onB0VKPUriLi5SZGQ_aem_Wyk1HyIvZ8dzkWzI-QnQWQ






































