เดิมๆ การใช้ Apple Watch ต้องผูกพันกับ iPhone เท่านั้น (iPad หรือ Mac ก็ไม่ได้นะ)
ยิ่งใช้ Android นี่ หมดสิทธิ์เลย และเนื่องจากผู้ใหญ่ในบ้านของหลายๆ ท่าน ไม่ชินกับการใช้ iPhone แต่สะดวกกับ Android มากกว่า เพราะเป็น OS ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีระบบ file ใกล้เคียง Windows (ไม่เป็น sandbox เหมือน iOS) ทำให้แม้ Apple Watch จะมี Health function ที่มีประโยชน์หลายสิ่ง แต่ไม่สามารถใช้กันได้ (การวัด EKG, การเตือนการหกล้ม, การส่ง SOS)
จนมาถึง iOS 14 ที่ Apple ยอมให้เราสามารถ setting ให้ Apple Watch ผูกพันกับเครื่อง iPhone ของเรา แล้วทำ Family set up ให้คุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา ลูกๆ ที่ไม่ได้ใช้ iPhone ได้
บทความนี้จะอธิบายการทำ Family set up ของ Apple Watch ให้ดูเป็นแนวทางครับ
รูปที่เห็นคือ เครื่อง Huawei P30 pro ของคุณพ่อ ใช้งานกับ Apple Watch
Requirement ที่เราต้องมี
1. Apple Watch แบบ Cellular ครับ (แบบ GPS only ไม่สามารถทำ Family set up ได้)
โดย Apple Watch เครื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องเปิดค่าบริการรายเดือนกับ Operator ครับ แค่ใช้คุณสมบัติความเป็น Cellular เท่านั้น
2.สำหรับเครื่อง iPhone ต้องเป็น iPhone 6s ขึ้นไปเท่านั้น
ในรูปเครื่องผมคือ 6s Plus (อายุการใช้งานถึงปัจจุบัน 7 ปี)
3.iOS ของเครื่อง ต้องอยู่ที่ iOS 14 ขึ้นไป
เครื่องผมตอนนี้อยู่ที่ iOS 15.4 ครับ
4. Apple ID ของเจ้าของ iPhone ต้องเปิด 2 factor Authen
5. ฝั่ง Apple Watch ต้องเป็น Gen 4th ขึ้นไป และอยู่ที่ Watch OS 7 ครับ
เริ่ม Unbox
ภายใน Package จะมี 2 กล่อง คือ ตัวเรือน กับ สาย
(ในกรณีที่ Watch damage แล้วไป claim จะได้เฉพาะตัวเรือน ไม่มีสายมาให้)
ให้ดู Package ของ Apple product แบบใหม่ จะไม่มี Plastic seal แล้วครับ แต่ใช้เป็น Sticker ลอกแทน
ภายในกล่อง ตัวเรือน
สาย Charge ของ Watch ตอนนี้ให้มาเป็น Type-C แล้วครับ เพื่อรองรับ Fast charge
ตัวเรือนใน Package กระดาษสีดำด้าน
ผลิตภัณฑ์ Apple จะไม่ต้องฉีกนะครับ เราสามารถ move ออกจาก Package ได้เลย
ส่วนใหญ่ใช้การปลด แล้ว Slide ออก
Watch ด้านหลัง แสดง Green LED light ทำหน้าที่ HR sensor
หลักการคือ มันจะวัดเซลเม็ดเลือดแดงครับ (เราเห็นเม็ดเลือดเป็นสีแดง เพราะมันสะท้อนแสงสีแดงเข้าตาเรา แต่ดูดแสงสีเขียวได้ดีสุด) ไฟมันกระพริบถี่มาก จนเราเห็นว่า มันติดอยู่ตลอด เวลาเม็ดเลือดแดงวิ่งผ่านมันจะวัดการดูดแสงสีเขียวครับ โดยมีตัววัด แล้วอ่านค่า (photoplethysmography)
ปุ่ม Crown ทางด้านข้างมี red circle แสดงถึง Cellular type
เอาออกมาเตรียม Set up
Apple Watch จะมีเพียง 2 ปุ่ม ครับ การใช้งานสามารถกดลงไปได้ทั้งหมด
ส่วนปุ่ม Crown นอกจากกดได้ ยังหมุนไปมาได้ทั้ง 2 ทิศทาง ขึ้นและลง แล้วแต่ menu การใช้งาน
แสดงการเปิดเครื่อง กดค้างไว้จน logo Apple ปรากฏขึ้นมา แล้วจึงปล่อย
เจอหน้าจอเตือน Low batt ไม่ต้องตกใจ เพราะระหว่างการ Set ครั้งแรก ควรต้องวางบนแท่น charge ไว้ตลอดครับ เผื่อต้องมีการ Update Firmware ของ Watch ก็ต้องใช้แท่นชาร์จอยู่ดี
วางแท่นชาร์จ
Set ภาษาเป็นด่านแรก
ผม set Thai
เลือก Region
เข้าสู่การ Pair
เปิด App Watch บน iPhone
ต้องเปิดทั้ง WiFi และ Bluetooth เพราะใช้ Bluetooth กับการจับคู่ Watch และใช้ Internet จาก WiFi ไปพร้อมกัน
เลือก Set Up for a Family Member
Step ในการทำ ไม่มีอะไรครับ อ่านทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ มันไม่ถึงกับ Next Next Next … แบบเราติดตั้งโปรแกรมใน Windows แต่มีบางขั้นตอนที่ต้องตัดสินใจ
ค่อยๆ ผ่านไป ทีละ Step
Continue
การ Pairing เหมือนปกติ เวลา Pair Watch ของเรา
คือ เอา iPhone ไปส่องที่หน้าปัด Apple Watch
Paired แล้ว
Set up ต่อๆไป บางขั้นตอนเราสามารถไปตั้งค่าทีหลังบน Watch ได้ครับ
สว ตาไม่ค่อยดี ถึงหน้าปัด 45 มม. ก็ควรเลือก font ที่อ่านง่ายไว้ก่อน
ตั้ง Passcode ให้เลือกค่าเดียวกับ รหัสปลด lock โทรศัพท์คุณพ่อ
เข้าสู่ mode Family sharing
คุณพ่อใช้ iPad mini อยู่ ผม share พื้นที่ iCloud, App store, Music และ TV อยู่แล้ว
เมื่ออยู่ใน Family จึงใช้ Set Up Watch ได้เลย (ถ้ายังไม่อยู่ใน Family เราต้องสร้าง Apple ID และทำ Family sharing ให้ท่านก่อน)
ต้องรู้ Password Apple ID ของคุณพ่อด้วย
กรอก Password คุณพ่อ
เครื่องกำลัง Sign in
สังเกตตอนนี้ Watch พักหน้าจอไปแล้ว
ขั้นตอนนี้ Apple ต้องการให้เรากรอก Passsword จาก iDevice ที่คุณพ่อใช้อยู่ในปัจจุบันครับ
เนื่องจาก Watch ต้องใช้ Apple ID ที่ผูกพันกับเจ้าของจริงๆ (ไม่ใช่คนตั้งค่า)
Apple ID ที่อยู่บน iDevice ทุกชิ้น ที่เป็น ID เดียวกัน จะผูกพันกันทั้งหมดในระบบนิเวศของ Apple
ขั้นตอนการเพิ่ม Apple Watch เครื่องนี้ เข้าไปใน Apple ID ของคุณพ่อ
ใช้ iCloud Backup ด้วย
Cellular Setup ให้ผ่านไปเลย
ต่อไปเป็น Set WiFi ที่ใช้ประจำให้ Watch ครับ
iDevice จะมีการกำหนดการจับ WiFi แบบ auto โดยยึดความบ่อยในการใช้แล้วตั้งเป็น Score
ถ้า WiFi ตัวไหน ใช้บ่อยสุด จะได้ Score สูงสุด แล้ว iDevice นั้น จะเลือกใช้ WiFi นั้นเป็นลำดับแรกสุด เช่น WiFi router ชนิด Dual band ที่ใช้คลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz
ความถี่ 2.4 จะไปได้ไกลกว่า ถึงชั้น 2 แต่ความถี่ 5 GHz จะไปได้สั้นกว่า แรงกว่า รับได้ดีที่บริเวณใกล้ router ที่ตั้งอยู่ชั้น 1
(อธิบาย คือ โดยปกติ iDevice จะมี built-in preprogrammed hierarchy ในการตัดสินใจเลือก WiFi โดยการประเมินค่า SSIDs แล้วเลือกตามลำดับ 1–>4 ตามรูป และ iOS จะให้ score WiFi ที่เราเลือกบ่อยๆ สูงขึ้น และลด score WiFi ที่เราไม่ใช้ให้น้อยลง
ยกตัวอย่างเช่น บ้านที่มี 2 ชั้น แล้วเราใช้เวลาอยู่ที่ชั้น 1 > ชั้น 2 ครับ ทำให้ score ของชั้น 1 สูงกว่า เครื่องจึงเลือก WiFi ชั้น 1 แทนที่จะเลือกชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องนอนของเรา)
Permission ขอ Location service
ให้ Siri ช่วยมั๊ย?
Analytics นี่ ส่วนใหญ่คนจะไม่ให้กันครับ แต่ความเห็นของผม คิดว่า ควรให้ครับ
(ตั้งแต่ iOS 10.3 เป็นต้นมา Apple ใช้ระบบติดตั้ง files รูปแบบใหม่ เพื่อลดเวลาการติดตั้ง firmware ตัวใหม่ลงในเครื่อง และ safety
files ติดตั้งรูปแบบใหม่ชื่อ Apple file system (APFS)
เราสามารถดู APFS การติดตั้ง iOS version ล่าสุดที่อยู่ใน iPhone ได้ จาก Settings –> Privacy –> Analytics&Improvements –> Analytics Data –> หา file ชื่อ apfs_iosd.cpu จะตามด้วยวันที่ครับ)
ตั้งค่า iMessage
ตรงนี้คือ หัวใจเลย ทำให้ iPhone ของเราเข้าไปดูข้อมูล Health ใน Watch ของคุณพ่อได้
Share
Set up Emergency
function ตรวจการหกล้ม คือ ตรงนี้
สร้าง Contact เมื่อเกิด Emergency ให้คุณพ่อ
กรอกข้อมูล Med ID ของคุณพ่อ
Medical Hx
นี่ผมลืม Set หน่วย ให้เป็น metric เลยเจอ imperial system
Share
ตรงนี้เป็นการ Set Activity การ Exercise ครับ
ส่วนใหญ่ใช้ตามค่า Default ของ Apple
แต่เราปรับได้
ให้เลือกตั้งแบบ List view
OK
หน้าปัดมาแล้ว
เราสามารถตั้งหน้าปัด เหมือน Watch ปกติ
แสดงหน้าจอแผงควบคุม Watch ของคุณพ่อบน iPhone ของเรา
หน้านี้จะรวบรวม Watch ใน Family ของเราทั้งหมด จะเจอหน้านี้เมื่อเปิด App Watch บน iPhone
ลองกดดูที่ “i”
ควรตรวจดู Software Update ให้เรียบร้อยก่อนส่งให้ท่านใช้งาน เพราะ การ Update ต้องทำผ่าน iPhone และใช้เวลาทำนาน
Watch เริ่ม Update รออย่างเดียว ไปทำอย่างอื่นก่อนได้ เพราะนานมาก
OK Complete
จากนั้น เราควรปรับแต่งการตั้งค่าบน Watch ให้เรียบร้อย เช่น การปิด Background App Refresh, การตั้งค่าต่างๆ บนหน้าปัด เพราะเราจะคุ้นเคยกับ Apple menu มากกว่า คนที่ใช้ Android
จากนั้น Brief การใช้งานแบบสั้นๆ ให้พอใช้งานได้ เช่น การปิด-เปิด Watch, การใช้ปุ่ม Crown และปุ่มปิดเปิด etc. หลังจากนั้นให้ลองใช้งานจริง เพื่อเจอปัญหาแล้วได้ซักถามอีกครั้ง
Ref: