preview iOS 14 ใน iPhone SE 2020

24 ชม. แบบไม่นับเวลานอนนะครับ แต่นับเฉพาะเวลาที่ได้เล่น iOS 14 จริงจนเริ่มเขียนบทความนี้ได้ 24 ชม.พอดี

เริ่มต้นตอน 5 ทุ่ม 45 น. ของวันที่ 22 มิ.ย. เป็นตอนเริ่ม present WWDC 2020

ท่าน CEO มาเปิดงาน

และเพราะเป็นงานเปิดตัว Software ครับ Craig Federighi จึงเป็น master หลักของงานตั้งแต่เริ่ม present จนงานเลิกครับ

ผมจะเขียนเฉพาะในส่วนของ iOS 14 ครับ

จุดประสงค์คือ ต้องการดูสภาพแวดล้อมทั่วไปของการใช้งาน 1st beta release ในมุมมองของ user สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ต้องบอกตรงนี้ก่อนว่า บทความนี้ไม่ต้องการจูงใจให้ลง iOS 14 beta version สำหรับ Developer นะครับ เพราะปัญหาคือมันเป็น firmware ที่ไม่มีความเสถียร และมี expired period หมายความว่า วันนี้ลงไปแล้วใช้งานได้ดี แต่เมื่อปล่อย developer beta 2 อาจจะกลับไปมีปัญหาหนักก็ได้ครับ (ปัญหาเช่น ใช้ไปแล้วเครื่องร้อน, drain battery, หน้าจอค้าง หรือหนักๆ คือ ใช้ๆไป reset เฉย เคยเจอหนักสุดคือ reset วนเป็น loop พอ reset อีกครั้ง เครื่องเข้า recovery mode แบบนี้ไปเลย)

สภาพที่เครื่องจากใช้ได้ดีๆ เข้าหน้านี้เฉยครับ (hard reset –> volume+,-,power ก็ยังเข้าหน้านี้อยู่)

จึงแนะนำว่า อีก 2-3 wk iOS 14 beta public version ตัวแรก ก็น่าจะออกมาแล้วครับ ถ้าอยากใช้แบบปลอดภัยที่สุด รอลง public beta ดีที่สุดครับ

24 ชม. เริ่มนับตั้งแต่ตี 3 ครับ หลังจบ present WWDC หน้าจอ link download ก็เปลี่ยนจากหน้าแสดงผลแบบนี้

Apple เริ่มปล่อย link ให้

การติดตั้ง iOS beta version ทำได้ 2 วิธี คือ

1, ติดตั้งโดยตรงผ่าน iPhone (ไม่ต้องใช้คอมช่วยในขั้นตอน download&install) คือ ใช้วิธีติดตั้ง Profile แล้ว download แบบ OTA

2. ติดตั้งโดยใช้ Mac หรือ PC เป็นตัว download ผ่าน Finder หรือ iTunes ครับ

(น่าแปลกที่หน้าเวบ Apple ยังแนะนำวิธีติดตั้งผ่าน iTunes บน Mac อยู่เลย)

ผมเลือกวิธีที่ 1 ครับ คือเลือกติดตั้งผ่าน Profile เพราะสะดวกสุด เวลามี Update beta version ต่อไปครับ และถ้า iOS 14 ตัวจริงออก หรือ อยาก downgrade เพื่อถอยหลังไปใช้งาน iOS 13 ที่เสถียรกว่าก็ง่ายครับ เพียงแค่เรา delete Profile เท่านั้นครับ เครื่องก็เตรียมพร้อมใช้งาน firmware ปัจจุบันได้ทันที

อันนี้คือ อยากรู้ขนาดการติดตั้งของมันครับ เลย download มาเก็บไว้ใน Mac ก่อน

พบว่า ขนาด 5.12 GB (ปกติ firmware ที่ใช้ติดตั้งผ่าน Mac จะมีขนาดใหญ่กว่าที่ download OTA ครับ)

เครื่องผมอยู่ใน firmware 13.4.1 ผมใช้วิธี restore เครื่องผ่าน Finder ให้อยู่ใน 13.5.1 แบบเครื่องเปล่าๆ แล้วติดตั้ง Profile ที่หน้าเวบนี้ครับ

Profile ที่ติดตั้งจะเข้าไปอยู่ที่นี่ครับ

เข้าไปดูใน Profile

เริ่มการ download และติดตั้ง Update Requested นานมาก เพราะเวลานี้คงติดตั้งพร้อมกันทั้งโลก

Download ได้ละ

เข้าสู้ขั้นตอนการ install ใน SE

หลังติดตั้งเสร็จ ผมลง app ที่ใช้ในเครื่องต่อเลยครับ ทั้งหมด 200 app, เพลง 300 เพลง, รูป 2000 รูป

จาก Space เครื่อง 256 GB เป็น file ของระบบ 10.49 GB, file Other 11.55 GB

การแสดงผลใน Finder เครื่อง Mac มองเห็น Space iPhone SE2 = 244.16 GB (ใกล้เคียง 256-10.49 = 245.51 GB) คือ เท่าความจุทั้งหมด – ไฟล์ระบบ

ตอนนี้จึงเหลือ Space ในเครื่องที่ยังใช้ได้ทั้งหมด = 256-10.49-11.55 = 233.96 GB ครับ

(ตัวเลข Available ที่เหลือ 199.04 GB คือ 233.96-เพลง-app-รูป-clip-Other= 199.04 GB ครับ)

เชื่อมั๊ยครับ? สิ่งแรกที่ผมทดสอบเครื่องใน iOS 14 คือ การลองปิด Wifi ใน Control Center ครับ คือ ลุ้นมาก แต่ก็พบกับความผิดหวัง

เพราะถ้าเราต้องการปิดแบบ turn off Wifi จริงๆ ต้องเข้าไปปิดใน Setting –>Wi-Fi–> Turn off เหมือนเดิม

ตอนนี้ผมทดสอบครบทุก app ที่ลงในเครื่องแล้วครับ ทดสอบแบบใช้งานจริงทุก app

ที่ผมเจอ app ที่มีปัญหา มี 5 ตัวข้างล่างนี้เท่านั้นครับ ตัวที่ใช้ได้บางส่วน คือ ECGinMotion ส่วนอีก 4 ตัวที่เหลือนั้น (Poke’mon GO, BigC, TMB TOUCH, iPanoramic) ไม่สามารถเปิด app ได้เลย

อาการคือ เปิดมาจะค้างหน้าแรกแล้วกระเด้งออก Poke’mon GO นี่ไม่ค้าง แต่เปิด app ไม่ได้เลย

app นอกนั้นทุกตัวติดตั้งและใช้งานได้ปกติ ไม่มีปัญหาครับ

ในการติดตั้ง app ใน iOS 14 พบว่า การ log in เข้า app ทำได้ดีมาก สะดวกและมีความปลอดภัยสูง

การเข้าถึงหน้า Passwords ที่อยู่ใน Setting ทำได้เร็วมาก และตัวเลือก Sign in with Apple ทำได้สะดวกกว่า iOS 13 ยิ่งขึ้นไปอีก

ถ้า app ไหนยังไม่มี log in สำหรับ Sign in แนะนำให้ใช้ Sign in with Apple ไปเลยครับ แต่อย่าง app ที่เคย Sign in ด้วย account อื่น เช่น Fb, e-mail ไปแล้ว การเลือก Sign in with Apple คือ การสร้าง Account ใหม่ สิทธิพิเศษต่างๆ ของ Account เดิมจะไม่ตามมาด้วย

ตัวอย่างนี้คือ ลอง Sign in with Apple ใน Agoda

ได้ Account ใหม่แบบนี้ครับ ใหม่เอี่ยมอ่อง

แต่อันนี้คือ Sign in ด้วยการใช้ Account เดิมที่มีอยู่แล้ว

Privacy ของการใช้งาน app ของ iOS 14 ดีมากครับ จะเห็นว่า Apple ให้ความสำคัญเรื่องนี้จริงๆ

อันนี้ลองให้ดูเวลา app จะขอเลือกรูปในเครื่องของเราครับ Apple จะไม่ให้ app นั้นเข้าถึงรูปทั้งหมด แต่เราสามารถเลือกจากเฉพาะ folder และ album ได้ครับ

ระหว่าง test app Find My Friends มีคนโทรเข้ามาขายประกันพอดี เลยให้ดูว่า เราสามารถทำงานที่ค้างอยู่ได้ แม้มีสายโทรเข้าครับ คือมันจะไม่ขึ้นมาเต็มหน้าจอเหมือนเดิม มาเป็น bar ด้านบน (น้องอยู่ Cigna ครับ โทรติดต่อไปซื้อประกันที่เบอร์นี้ได้เลย)

สิ่งที่ Apple ยอมให้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก คือ การวาง Widgets ไว้ที่หน้า Home หรือหน้าใดๆ ก็ได้ครับ เมื่อเราเพิ่ม Widget ในหน้าซ้ายสุด (ก่อนหน้า Home) สามารถผลักออกมาที่หน้า Home ได้ทันที โดยเราไม่ต้องเตรียมที่ว่างสำหรับวาง Widgets ไว้ครับ Apple จะสร้างหน้า Home หน้าแรกสุดขึ้นมาใหม่ให้อีกหน้าทันที

อันนี้ icon ในหน้าแรกจะถูกผลักขึ้นไปหน้าที่ 2 ที่สร้างขึ้นใหม่ครับ ผมลองวาง Widgets ในหน้าที่ 2 อีก 1 widget (สังเกตตำแหน่งจุดกลมสีขาวนะครับ Widget Stocks วางอยู่ในหน้าที่ 2 ไม่ใช่หน้าแรก)

Wigets แบบใหม่จะแยกจาก Widgets เดิมครับ

ในรูป Google TRENDS และ Airvisualtodayextension คือ Widgets แบบเดิมที่เราใช้ใน iOS 13 จะ fix ไม่สามารถเลื่อนไปวางที่หน้า Home หน้าอื่นๆ ได้เลย

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะงงเรื่อง Widgets ใน iOS 14 แต่ถ้าได้ลองใช้จริงจะเข้าใจง่ายมากครับ

หน้าการเลือก Widgets ชนิดใหม่ จะเห็นว่า Widgets มีให้น้อยมาก คือมีเฉพาะ Apple app ครับ แต่อย่าลืมว่า ตอนนี้คือ beta 1 เดือนมิถุนายน กว่าจะ release ตัวจริงในเดือนตุลาคม คาดว่า 3rd Parties น่าจะสร้าง Widgets ชนิดใหม่กันได้หมดละครับ น่าจะมี Widgets เป็นร้อยๆ ตัว

Widgets ของ 3rd Parties ที่ตอนนี้ยังมีให้ใช้แบบเดิม (ลากไปหน้าอื่นไม่ได้)

ที่เยี่ยมสุดคือ Widgets เพียงตัวเดียวยังสามารถรวม Widgets อื่นๆ ให้เข้ามาอยู่ด้วยกันในตำแหน่งเดียวได้ครับ ชื่อมันคือ Smart Stack

Smart Stack ตัวของมันเอง คือ Widgets ที่เป็น container ของ Widgets อื่นๆ อีกที

เราสามารถเพิ่ม-ลบ Widgets ภายใน Smart Stack ได้อิสระครับ

เพื่อให้เข้าใจการทำงานของมันให้ดู clip นี้ครับ

ถึงจะได้ใช้มาเพียง 24 ชม. แต่บอกได้คำเดียวเลยว่า iOS 14 เป็นจุดเปลี่ยน 14 ปีที่สำคัญยิ่งของ iPhone แน่นอน เผลอๆ Live Tiles ที่ Microsoft เคยปลุกปั้นอยู่ใน Windows Phone OS อาจทำสำเร็จโดย Apple ที่มาสานต่ออีกครั้งในวันนี้ก็ได้ครับ

Ref: https://developer.apple.com

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s